3
“ระวังมอเตอร์ไซค์นะแก มันชอบแทรก”
ยัยคิตตี้เตือนขณะที่ฉันตีไฟเลี้ยวเพื่อแซงขวาบนถนนสายหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ เมืองที่รถติดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ยิ่งเวลา 5 โมงเย็นแบบนี้ไม่ต้องพูดถึง 2 กิโลเมตรใช้เวลาสามชั่วโมงก็เจอมาแล้ว แถมขยับไปทางไหนก็ไม่ได้
“เฮ้อออ เบื่อวะ” ฉันถอนหายใจพลางใช้มือเคาะลงบนพวงมาลัยอย่างเซ็งๆ
“เออ จอดละลงไปกินส้มตำรอเลยมั้ย กินเสร็จน่าจะหายติดพอดี”
“ว่าไปนั่น แกหิวเหรอ”
“นิดนึงแต่ทนไหว เดี๋ยวรอไปกินแถวคอนโดก็ได้”
“อืม”
“เห้ย! ยอดวิวคลิปล่าสุดแกเยอะดีวะ ขอให้สปอนเซอร์เข้ามาเยอะๆ เถอะ เพี้ยง!”
ยัยคิดตตี้พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น หลังเข้าไปเช็คผลตอบรับจากแฟนๆ ของคลิปล่าสุด มันพนมมือขึ้นอย่างเอาจริงเอาจัง เออ ช่วยกันดูอยู่สองคนเนี้ยแหละ มันเยอะเพราะฉันกับแกกดเข้ากดออกหรือเปล่าเหอะ
“เออ คนนี้ดี คนนี้ก็หล่อ หนูนา แกนี่ไม่เบานะยะ คนที่มาเม้นในเฟสนี้ตัวท็อปๆ ทั้งนั้น”
“ก็แค่เม้น ไม่ได้มาจีบซะหน่อย”
“แหม ฉันว่ามีแหละ แต่แกแค่ไม่ยอมคุยด้วยมากกว่าเพราะว่าอะไรก็รู้กันอยู่” มันหันมาแขวะใส่ฉันอย่างไม่จริงจังนัก ยัยคิตตี้รู้ดีว่าฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว
“เดี๋ยวนะ!! นี่ยัยปันเลิกกับแฟนแล้วเหรอวะ โอ้วว จริงดิ”
คราวนี้มันทำเสียงตื่นยิ่งกว่าเดิมเสียอีก แถมชื่อที่ถูกเอ่ยออกมาก็เรียกความสนใจของฉันได้เป็นอย่างดี ใจฉันเต้นแรงขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล คนที่ยัยนี่พูดถึงคือแฟนของเดย์ผู้ชายที่ฉันแอบส่องอยู่ทุกเมื่อทุกวันยังไงล่ะ แต่ส่องได้ไม่เต็มที่เพราะเขาไม่รับแอดโว้ย ไอจีก็ตามไม่ได้ หมอนั่นดันตั้ง private เอาไว้อีก จะส่องได้ก็ของผู้หญิงที่ชื่อปันนั่นแหละเพราะยัยนั่นเปิดสาธารณะไว้
“รูปเดย์ของแกโดนลบออกจากไอจียัยปันเกลี้ยงเลยวะ ไม่มีเหลือ”
“...”
“โปรไฟล์ยัยนี่ก็ปกติ ไม่เห็นจะเปลี่ยนเป็นสีดำเหมือนคนอกหักเลย ทำไมเขาเลิกกันวะ ฉันโคตรอยากรู้ แกพอจะรู้ปะ”
จะรู้ได้ยังไงเขายังไม่รับแอดเลย เพิ่งรู้พร้อมแกเนี่ย
“เหมือนเรื่องนี้มีเงื่อนงำอะ ไหนๆ ขอสืบหน่อย เรื่องชาวบ้านนี่เป็นงานของเราจริงอะไรจริง”
“...”
“ดูในเพจมหา’ ลัยดีกว่า เผื่อเจอพวกขี้เผือกเหมือนกัน ‘เลิกฟ้าผ่าคู่รักปี2’ ‘หนุ่มฮอตกลับมาโสด’ ‘ทวงคืนหนุ่มหล่อประจำภาค’ แล้วก็ ‘ปันโสดแล้ว ฮอตสุดๆ’ เออ บันเทิงดีจัง”
“…”
“ศัตรูหมายเลขหนึ่งแกโดนน็อคไปแล้ว คราวนี้แกก็เดินหน้าเข้าหาผู้ชายของแกแบบจัดเต็มได้เลย ฮู้เร่!”
ยัยคิตตี้ส่งเสียงเชียร์แถมยังยกมือขึ้นตบแปะๆ จัดเต็มยังไง ไหนพูด บอกให้เขาเพิ่มฉันเป็นเพื่อนก่อนมั้ยล่ะ ทุกวันนี้แค่เห็นที่มอไกลๆ ยังต้องเดินอ้อมไปอีกทาง กลัวเขารู้ว่าแอบชอบ ฉันเหมือนคนบ้าใช่มั้ย
“ภาพโปรไฟล์ไอจีเดย์ก็ปกติวะ เฟซก็เหมือนกัน นี่ฉันเข้าดูไม่ได้ อดเผือกแบบเต็มๆ เลย เซ็ง! ทำไมหมอนี่ถึงไม่ยอมรับแอดฉันสักทีวะ เขารับแกหรือยัง”
“ยัง” สะเทือนใจ อย่าถามได้มั้ย
“หยิ่งดีจัง เข้าถึงยาก! ผู้ชายแกเนี่ย”
“…” เออ ยิ่งยากนี่ล่ะมั้ง ฉันเลยยิ่งชอบ ลึกลับดี
“เดี๋ยวนะ มีคนแท็กยัยปันวะ เป็นผู้ชาย เฮ้ย หรือว่าเดย์จะโดนทิ้งวะ ไม่น่าใช่ป่ะ คนอย่างหมอนั่นเนี่ยนะ น่าจะเป็นฝ่ายฟันแล้วทิ้งมากกกว่า” ยัยคิตตี้ทำเสียงตื่นเต้นพลางหันโทรศัพท์มาให้ฉันดู
เออ ใช่จริงด้วย แต่หมอนั่นก็หน้าตาธรรมดานะ ไม่ได้หล่อมากมายขนาดจะมาแย่งยัยปันได้ซักหน่อย จะยังไงก็ช่างเถอะ วันนี้ฉันมีความสุข (บนความทุกข์คนอื่น ฮ่า) ฉันเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
โครมมมมมม!
กรี๊ดดดดด
ฉันแตะเบรกดังเอี๊ยดพร้อมกับเสียงกรี๊ดดังลั่นของยัยคิตตี้ หน้านี่แทบจะฝังใส่พวงมาลัย
เกิดอะไรขึ้น!
วินาทีต่อมาฉันก็เห็นผลงานชิ้นโบว์แดงของตัวเอง รถเก๋งคันน้อยของฉันจูบก้นรถสปอร์ตสีดำคันหรูข้างหน้าเข้าอย่างจัง
เย้ยยย นั่นมัน GTR ด้วยสิ งานงอกแล้วไง!
“โอ้ยเจ็บดั้ง จมูกฉันหักหรือเปล่าเนี่ย” ยัยคิตตี้ยกมือขึ้นกุมจมูกตัวเองด้วยท่าทางเจ็บปวด โดยไม่ทันสังเกตเห็นหายนะด้านหน้า จนมันเริ่มได้สติ
“หนูนาแกขับรถชน”
เออ เห็นแล้ว ซวยแล้วด้วย
รถด้านหลังบีบแตรไล่ดังระงม ฉันตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เครียด มือนี่ชื้นไปด้วยเหงื่อ คันข้างหน้าจะเป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย ขอร้องว่าอย่าเป็นเยอะ ฉันคิดในใจอย่างร้อนรนแอบรู้สึกกลัวขึ้นมา
เอาวะ! ฉันรวบรวมความกล้าลงจากรถไปดูผลงาน อะไรจะเกิดมันก็คงต้องเกิด สีถลอกและมีรอยบุบหนึ่งรอยแบบเห็นได้ชัด เวร! ทำกี่คลิปถึงจะพอจ่ายค่าเสียหาย GTR วะเนี่ย ดีนะมีประกันชั้น 1 แต่เขาจะเรียกค่าทำขวัญอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้
นาทีต่อมาผู้ชายตัวสูงเดินลงมาจากรถฝั่งคนขับ เขาก้มลงไปมองท้ายรถตัวเองก่อนจะเงยกลับขึ้นมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง ทันใดนั้นเองหัวใจฉันแทบหยุดเต้น
เขา..ใช่เขาจริงๆ ด้วย ยัยคิตตี้คนที่แกเพิ่งนินทาอยู่ข้างหน้านี่แล้ว
ซันเดย์ ฉันเจอนายตัวจริงแบบจังๆ เข้าให้แล้ว ตาฉันไม่ได้ฝาดใช่มั้ย เป็นครั้งแรกที่ได้มองหน้าผู้ชายที่แอบชอบใกล้ๆ ใบหน้าขาวเนียนผุดผ่อง คิ้วเข้มเหนือดวงตาเรียวคมแบบคนมีเชื้อสายจีน จมูกโด่งกำลังดีรับกับปากสีระเรื่อ ถึงแม้ตอนนี้เขาจะทำหน้าบูดแต่ก็ยังหล่อเป็นบ้า ฉันได้แต่แอบกรี๊ดในใจ
“เวรฉิบ! สีถลอกแถมยังบุบอีก ซวยวะ” เขาสบถก่อนหันมามองพวกฉันด้วยสายตาเอาเรื่อง
“...”
“ขับรถกันยังไงวะ ไม่ดูทางหรือไง รถติดขนาดนี้ยังจะชนอีก”
“ฉันไม่ทันระวัง ขอโทษจริงๆ นะ”
ฉันยกมือขึ้นพลางกล่าวขอโทษขอโพย ถ้าขืนบอกว่ากำลังดูมือถืออยู่ฉันจะโดนตำรวจจับไหมเนี่ย
“ขอโทษเหรอ! นี่มันลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของฉันนะโว้ย บ้าชะมัด! ช่วงนี้เป็นไรวะ ซวยซ้ำซวยซาก”
“เอ่อ..”
“เธอ! เธอเป็นคนขับรถใช่มั้ย”
เขาถามพลางจ้องหน้าฉัน นี่ถ้าในเวลาปกติฉันคงตื่นเต้นจนหน้าแดงที่ได้ยืนคุยกับคนที่ชอบ แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ฉันกลับรู้สึกกลัวเขาแทน ได้แต่ยืนนิ่งอ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก
“นี่! เพื่อนเธอสมองกระแทกหรือเปล่า อ้าปากหวอขนาดนี้”
เดย์หันไปถามยัยคิตตี้ เขาพูดถึงฉันด้วยอ่ะ ถึงจะฟังดูเหมือนกำลังด่าอยู่ก็ตาม ฉันยืนเหวออยู่สองสามนาทีกว่าจะเรียกสติตัวเองกลับคืนมาได้
“ชะ.ใช่ ฉันเป็นคนขับ”
“แล้วมีใบขับขี่หรือเปล่าวะ!”
“มี ฉันมี”
ฉันว่าพลางล้วงเข้าไปหยิบกระเป๋าเงินที่วางอยู่ในรถและส่งใบขับขี่ให้เขา โอ้ยยย มือมันสั่น เดย์รับไปถืออย่างไม่ไว้ใจราวกับกลัวว่ามันจะมีเชื้อโรค เขาเลิกคิ้วสูงมองหน้าฉันกับใบขับขี่สลับกันไปมา คือยังไงเนี่ย ตัวจริงไม่เหมือนในรูปเหรอ
ก็เหมือนมาม่าที่ข้างในไม่เหมือนกับรูปบนซองนั้นแหละ - - “เกี่ยวป่ะ
“นี่สอบได้หรือซื้อมากันแน่วะ” เขาถามฉันเหมือนไม่อยากจะเชื่อ พร้อมกับส่งใบขับขี่คืนมาให้
“ฉันสอบได้นะ สอบผ่านตั้งแต่รอบแรกเลยด้วย” นี่มันใช่เวลาที่ฉันต้องภูมิใจมั้ยเนี่ย แต่ฉันสอบผ่านจริงๆ นะ
“เหอะ เอาไว้ให้ตำรวจดูเถอะ”
เดย์พูดด้วยน้ำเสียงติดจะเหยียดนิดๆ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดโทรออก พอคุยเสร็จเขาก็หันกลับมาพูดต่อ
“ฉันเรียกประกันแล้ว พวกนั่นกำลังมา เตรียมคำตอบดีๆ ไว้ด้วยล่ะ”
ชนท้ายแบบนี้ตอบดียังไงฉันก็ผิดอยู่ดีป่ะ
ขณะที่ฉันเริ่มแอบเป็นกังวล ยัยคิตตี้ก็ลนลานหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปรถ มันจะเอาไปลงเฟซบุ๊คแน่ๆ ตามประสาคนติดโซเชียล เอาไปลงให้คนมาเม้นด่าฉันหรือไงย่ะ พลางแอบกระซิบกระซาบฉันไม่ห่างว่า ‘หมอนี่ปากร้ายจริงๆ วะ แต่พูดก็พูดหล่อฉิบหาย’
ระหว่างที่เรารอประกัน เดย์เดินกลับไปยืนพิงอยู่ที่รถของเขาด้วยสีหน้าเซ็งๆ พลางก้มลงมองนาฬิกาข้อมือตัวเองอยู่หลายครั้ง เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครสักคน ได้ยินประมาณว่าจะไปสายหน่อย รถชน แถมยังทำปากขมุบขมิบมองมาที่ฉันเหมือนกำลังนินทาอะไรสักอย่าง
ยัยคิตตี้แอบเอาศอกมากระทุ้งสีข้างฉัน มันพูดเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน
“อยู่มอไม่ค่อยได้เจอ มีแต่ส่องเฟสบุ๊ค พอมาเจอใกล้ๆ โห่ หน้านี่เนียนกริบไม่มีแม้แต่รูขุมขน”
“เออ..” ใช่ เนียนกว่าหน้าฉันเยอะ
สักพักประกันก็มาถึง เราจบกันด้วยการที่เขาไม่เอาเรื่อง ไม่น่าเชื่อว่าฉันจะรอด ก็เขาดูโกรธซะขนาดนั้น (เหตุผลเพราะอยากทำบุญ เหมือนไถ่ชีวิตโคกระบือ เขาคงไม่ได้มองว่าฉันเป็นกระบือใช่ปะ - - “) และปล่อยให้ประกันจัดการเรื่องเอารถไปซ่อม เขาทิ้งรถให้บริษัทมายกไปที่ศูนย์ รถแพงๆ มันดีแบบนี้นี่เอง ส่วนรถฉันน่ะหรอ ก็รอหาวันว่างแล้วขับไปเคลมเองนะสิ ฮื่อๆ
“วันนี้เธอทำให้ฉันต้องนั่งรถใต้ดิน เซ็งชะมัด! ฉันโคตรไม่ชอบตอนโดนเบียดเลยให้ตาย” เดย์บอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เขาดูหัวเสียอยู่ไม่น้อย
“ฉันขอโทษ” ฉันบอก พลางส่งสายตาสำนึกผิดไปให้
“เหอะๆ ฉันรีบหรอกนะ ถึงไม่เอาเรื่อง แต่อย่าคิดว่าจะไม่ได้รับผิดชอบสิ่งที่เธอทำในวันนี้นะ”
“นายจะให้ฉันรับผิดชอบยังไงบอกมาเลย ฉันยินดีทำ” ฉันว่า ก็มันเป็นความผิดของฉันจริงๆ นี่นา
“ยินดีเหรอ หึ งั้นค่าทำขวัญสักหมื่นสองหมื่นดีมั้ยล่ะ”
“หา..”
ปะ..เป็นหมื่นเลยเหรอ ฉันไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นหรอกนะตอนนี้อ่ะ
“ไหนบอกจะรับผิดชอบ ก็เอามาดิ เอามาๆ”
เดย์แบมือออกมาพลางกระดิกนิ้วให้ฉัน
“ตอนนี้ฉันไม่มีหรอก ต้นเดือนได้มั้ยอะ”
“เธอจนเหรอ?”
เขามองฉันด้วยสายตาสมเพชเวทนา ไม่ได้จน แต่ไม่ได้รวยขนาดนั้นนิ จะได้ควักเงินเป็นหมื่นๆ ให้นายได้สบายๆ แล้วนี่นายก็ไม่ได้บุบสลายซักหน่อย ยังหล่อโฮกเหมือนเดิม ลดให้ฉันหน่อยได้มั้ย เอาสัก 2000 พอ
“ป่าว แต่ฉันไม่มีให้นายตอนนี้หรอก ถ้านายอยากได้ก็ต้องรอไปก่อน”
“รอเหรอ ฉันไม่ชอบรอโว้ย ยิ่งเรื่องเงินเรื่องทองให้รอได้ไง เดี๋ยวก่อนนะ! ทำไมฉันรู้สึกคุ้นหน้าเธอจังวะ แต่เคยเห็นที่ไหนนึกไม่ออก”
เออะ! เขาต้องเคยดูคลิปฉันแน่ๆ แอบกรี๊ดในใจเบาๆ ถึงเขาจะจำฉันไม่ได้ก็ตามเถอะ
“น่าจะใน youtube มั้ง ฉันทำ youtuber”
“ห๊ะ! เธอเนี่ยนะ มีคนติดตามด้วยเหรอวะ เออ! จะอะไรก็ช่างเถอะ งั้นเธอต้องมีเงินดิ เอามา”
“มี แต่ตอนนี้ไม่มี T^T”
“อะไรวะ หลอกป่ะ พวกทำคลิปยูทูปรวยจะตายไม่ใช่ไง” เดย์หรี่ตามองฉันอย่างยากที่จะเชื่อ ราวกับว่าฉันกำลังโกหก คือฉันก็ไม่ได้มีคนติดตามเยอะขนาดนั้น ยอดวิวเยอะๆ นี่ก็ดูเองซะส่วนใหญ่ พูดแล้วทำไมเศร้าก็ไม่รู้
“ป่าวนะ ฉันพูดเรื่องจริง”
“หึ”
ระหว่างที่เขาจะพูดต่อเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะ เขากดรับและบอกคนในสายว่าอีกสักพักกำลังไป
“โธ่เว้ย! ก็ได้ๆ งั้นเอามือถือมานี่ดิ”
ฉันหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้เขาไปอย่างงงๆ เดย์ใช้มือถือฉันโทรเข้าเครื่องตัวเอง ก่อนส่งคืนมาให้ โดยที่ยังมีตัวเลข 10 หลักค้างอยู่หน้าจอ
“เบอร์ฉัน เมมไว้ซะ พร้อมจ่ายเมื่อไรโทรมาด้วย แล้วห้ามคิดหนีล่ะ”
พูดจบเขาก็วิ่งหายเข้าไปในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่อยู่ไม่ไกล ปล่อยให้ฉันที่ทั้งงงทั้งเอ๋ออยู่ที่เดิมโดยมียัยคิตตี้ยืนทำตาโตอยู่ข้างๆ ไหนนายบอกว่าจะไม่เอาเรื่องฉันไง แต่นายเรียกค่าทำขวัญเนี่ยนะ มันต่างกันตรงไหนถามจริง
ฉันไม่ได้อยากเจอคนที่ชอบในสถานการณ์แบบนี้ซักหน่อย ทำไมทุกอย่างมันถึงได้ผิดแผนไปหมด T^T